วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มังกรทะเลใบไม้ (Leafy Sea Dragon)




ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phycodurus eques  อยู่ในวงศ์ : Syngnathidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับม้าน้ำ โดยถือเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Phycodurus พบทางตอนใต้และตะวันตกของทวีปออสเตรเลีย ถือเป็นปลาเฉพาะถิ่น มักอาศัยอยู่ในกระแสน้ำอุ่นในความลึกตั้งแต่ 3 - 50 เมตร

มังกรทะเลใบไม้ มีจุดเด่นตรงที่มีครีบต่าง ๆ ลักษณะคล้ายใบไม้หรือสาหร่ายทะเล ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีความสวยงามที่สุดในโลกซึ่งครีบเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ว่ายน้ำแต่ใช้สำหรับอำพรางตัวจากศัตรู และยังใช้หาอาหารอีกด้วย มังกรทะเลใบไม้ใช้ครีบอกในการว่ายน้ำ ซึ่งครีบอกนั้นมีลักษณะใสโปร่งแสง และมองเห็นได้ยากมากเมื่อเวลาเคลื่อนไหว ทำให้สังเกตุเห็นเจ้ามังกรทะเลใบไม้ได้ยากยิ่งเมื่อมันแฝงตัวไปในหมู่สาหร่ายทะเล  ปากของมันมีลักษณะเหมือนท่อยื่นยาวออกมา ตอนปลายปากเปิดออก  จะกินอาหารจำพวกแพลงก์ตอน, กุ้ง และครัสเทเชียนขนาดเล็ก ๆ เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะวัดความยาวได้ประมาณ 35 เซนติเมตร

การผสมพันธุ์และวางไข่ มังกรทะเลใบไม้มีพฤติกรรมเหมือนม้าน้ำ คือตัวผู้จะเป็นตัวที่อุ้มท้องเหมือนม้าน้ำ แต่มังกรทะเลใบไม้ไม่ใช่ม้าน้ำ จึงไม่มีกระเป๋าหน้าท้องไว้ฟักไข่เหมือนม้าน้ำ  มังกรทะเลใบไม้จะขยายพันธุ์ได้โดยที่ตัวเมียจะวางไข่ติดไว้ที่หางของตัวผู้แทน  หลังการผสมพันธุ์มังกรทะเลใบไม้ ตัวเมียจะวางไข่บริเวณหางตัวผู้ซึ่งจะม้วนงอเข้า ไข่ 100-250 ฟองจะถูกวางบริเวณซึ่งเป็นที่ยึดของไข่จะมีเนื้อเยื่อซึ่งเต็มไปด้วยเส้นเลือด ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะพัฒนาขึ้นในมังกรทะเลใบไม้ตัวผู้เฉพาะในฤดูผสมพันธุ์ท่านั้น ฤดูผสมพันธุ์จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนมีนาคม ไข่ซึ่งยึดติดอยู่กับหางตัวผู้จะได้รับออกซิเจนผ่านทางเส้นเลือดที่มีอยู่มากมาย จากนั้น 4-6 สัปดาห์ ลูกมังกรน้อยก็จะฟักออกมา และจากนั้นไม่นานลูกมังกรทะเลก็จะต้องพึ่งตัวเองโดยปราศจากการช่วยเหลือของพ่อแม่ พวกมันจะใช้อาหารจากไข่แดงและล่าแพลงตอนสัตว์ขนาดเล็ก หนึ่งปีผ่านไปพวกมันจะโตได้ถึง 20 เซนติเมตรและจะโตเต็มที่ภายใน 2 ปี

มังกรทะเลใบไม้ จัดเป็นปลาที่มีความอ่อนไหวมาก จึงยากที่จะนำมาเลี้ยง แม้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่าง ๆ ก็มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในโลกที่มีปลาชนิดนี้ไว้เลี้ยง  และทางการออสเตรเลียก็ได้ออกกฎหมายปลาชนิดนี้ไว้เป็นสัตว์คุ้มครอง โดยห้ามจับหรือมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด แต่ได้อนุญาตเป็นการพิเศษให้แก่นายแปง กวอง ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทะเลชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย จับและครอบครองได้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น โดยอนุญาตให้จับได้เพียงปีละตัวเดียวเท่านั้น  ซึ่งมังกรทะเลใบไม้ตามพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นก็มาจากการเพาะพันธุ์ของนายแปง กวองผู้นี้ทั้งสิ้น.......

ข้อมูล : http://th.wikipedia.org
รูปภาพ : http://nighbluey.blogspot.com

รู้ป่าว น้องหมาก็เป็นภูมิแพ้ได้นะ



      


      ขึ้นชื่อว่าโรคภูมิแพ้ใครได้เป็นย่อมรู้ดีว่าแสนจะทรมานเพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีมันจะแพ้ขึ้นมาเมื่อไหร่ บางคนอาการแพ้น้อยแค่คนไอจาม แต่บางคนอาการหนักถึงขั้นหายใจติดขัดจนอาจถึงตายได้ เป็นโรคที่มาเงียบๆ แต่อันตรายไม่น้อยไปกว่าโรคอื่นๆ แถมรักษาหายยากอีกด้วย

       ไม่ใช่เฉพาะคนเราเท่านั้นที่เป็นโรคภูมิแพ้ สัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างสุนัขก็เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน และหากโรคนี้เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อยของเราแล้วละก็ ขอบอกว่าอันตรายมากกว่าเกิดกับคนเท่าตัว เพราะสัตว์ไม่สามารถพูดบอกกับเราได้ว่าเค้าคันหรือกำลังเป็นโรคภูมิแพ้กำเริบ หากเจ้าของไม่สังเกตอาการอันตรายอาจมาเยือนเจ้าตัวน้อยของเราได้

        โรคภูมิแพ้ที่มักเกิดกับสัตว์เลี้ยงได้แก่  ATOPY เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดธรรมด๊าธรรมดาที่เกิดจากการแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ต้นหญ้า ผงฝุ่นตามบ้านช่องห้องหับ โดยเฉพาะบ้านที่เป็นไม้ และอื่นๆ  โรคภูมิแพ้ชนิดนี้เป็นได้ทั้งกับสุนัขและแมว แต่ไม่ใช่กับทุกตัวจะได้รับสิทธิพิเศษนี้ มักจะเป็นกับสัตว์ตัวที่ร่างกายมีความไวอย่างมากผิดปกติต่อการรับสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกาย ทั้งจากการสูดดมหรือการซึมซับเข้าทางผิวหนัง แม้จะเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ โรคนี้เป็นแล้วรักษาไม่หายทำได้เพียงควบคุมไม่ให้โรคกำเริบเหิมเกริม

       กลุ่มสุนัขที่พบว่านิยมเป็นโรคภูมิแพ้ประเภทนี้ เช่น สุนัขกลุ่ม terriers Golden and Labrador retrievers, Schnauzers, Poodles, Lhasa Apso, Shih Tzu, Pug and Bulldogs ล้วนแต่เป็นกลุ่มสุนัขยอดนิยมเลี้ยงทั้งนั้น

       มาดูกันว่า น้องหมาตัวน้อยของเราที่กำลังตกอยู่ในภาวะโรคภูมิแพ้จะมีสัญญาณอะไรให้ได้สังเกตบ้าง เพื่อนำไปสู่การเยียวยาได้ทันกาล  

อาการบ่งบอกว่าน้องหมาเป็นโรคภูมิแพ้ ATOPY
       
        - มีอาการคัน แบบตะบี้ตะบันเกา ไม่มีเห็บมัดซักตัว แต่ก็เกาเอาเป็นเอาตาย
            - เม็ดแดงๆ ขึ้นตามตัว หรือรามไปถึงใบหู
        - ถ้าอาการหนักขึ้น น้องหมาจะแทะเลียเท้าและขา ใต้อุ้งเท้าจะแดง
        - คันหน้าคันตา ชอบเอาเท้าถูหน้าตัวเองบ่อยผิดปกติ
        - สะบัดหัวไปมา ลองเปิดหูดูจะเห็นใบหูเป็นผื่นแดง
        - ชอบกัดแทะหางตัวเอง
        - ตาแดง จมูกมีน้ำใสๆ ชื้นอยู่ตลอด ถ้าร้ายแรงบางตัวอาจสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น
        - หายใจเสียงดังครืดๆ หายใจยาก หายใจติดขัดไม่สะดวก
          
           น้องหมาบางตัวก็แพ้เป็นพักๆ แต่บางตัวอาการหนักแพ้ตลอดปี ลองดูซิน้องหมาของคุณๆ มีอาการแบบที่บอกรึป่าว ถ้ามีละก็Yes..! พาไปหาหมอเถอะ

การเลี้ยงสุนัขในกลุ่มเสียงเกิดโรค ATOPY
        
       -  พิถีพิถันเรื่องการเลือกอาหารสัตว์ที่เหมาะสมกับสุนัขที่เป็นโรคแพ้ประเภทนี้ และที่ดีควรเป็นอาหารที่ผลิตจากเนื้อไก่งวง หรือเนื้อแกะ เพื่อเป็นการป้องกันหรือคุมไม่ให้เกิดโรคขึ้นบ่อยๆ แต่ถ้ายังเป็นอยู่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหายามาให้น้องหมากินควบคู่ไปด้วย           
      - โรคนี้จะไวต่อละอองเกสรจากดอกไม้ใบหญ้าง่าย ดังนั้นหลังจากปล่อยให้น้องหมาวิ่งเล่นตามสนามหญ้าแล้ว ก่อนกลับเข้าบ้านหาผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดตัวทำความสะอาดทุกครั้ง ก็จะช่วยได้เยอะทีเดียว
      -  อาบน้ำด้วยแชมพูสำหรับสุนัข ผิวแพ้ง่าย ห่างๆ จากส่วนผสมที่มีสารเคมีแรงๆ หรือไม่มีเลยก็จะดีมาก
           แม้จะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นแล้วสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญทั้งต่อคนเลี้ยงและตัวสัตว์เลี้ยง แต่โรคนี้ก็ควบคุมให้อยู่ในระดับไม้ทำอันตรายรุนแรงต่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณๆ ได้ เพียงแค่ให้ความใส่ใจเรื่องสุขอนามัย อาหารการกิน และหมั่นสังเกตดูแลพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง เป็นสิ่งที่เชื่อว่าคนรักสัตว์อย่างเราทำได้อยู่แล้วสบายมาก


วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทำไมสัตว์เลี้ยงถึงเมารถ?



"ไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวใดที่ชอบการตากลมขณะรถขับเคลื่อน"
      สำหรับสัตว์เลี้ยงการขับเคลื่อนของรถทำให้มันมีความทุกข์ได้ โดยประกอบด้วยความกลัวและความไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นของมัน ทำให้มันเกิดอาการกระวนกระวาย และอาเจียนบ้าง ในมนุษย์การเมารถหรือโรคที่เกิดจากการเคลื่อนที่เป็นผลจากการมีความผิดปกติในหูชั้นใน สำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีอาการนี้มียา Dramamine ซึ่งต้องได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์ในการใช้
         ในสัตว์เลี้ยงการเมารถส่วนใหญ่มาจากความกลัว เสียงของรถ การเคลื่อนที่ของรถ ฯลฯ ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณต้องไปที่ต่างๆโดยใช้รถ นี่เป็นวิธีที่คุณจะช่วยให้มันชนะความกลัวการขับเคลื่อนของรถ
        1. ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมในรถ นำมันไว้ในรถแล้วเริ่มรักษาโดยคุยกับมัน ทำให้มันมีความสุข โดยไม่มีการขับเคลื่อนของรถ ทำให้มันรับประสบการณ์ที่ดี โดยปฏิบัติเช่นนี้บ่อยครั้งในโอกาสต่างๆ เมื่อคุณต้องการเลี้ยงมันในรถคุณต้องพยายามเลี้ยงและให้มันคุ้นกับรถ
          2. ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณคุ้นเคยกับรถขณะติดเครื่อง ทำขั้นที่ 1 ซ้ำแล้วติดเครื่องยนต์เท่านั้น ถ้ามันแสดงอาการวิตกจงทำให้มันแน่ใจว่าทุกสิ่งเรียบร้อยดี ให้เวลากับมันและทำให้มันผ่อนคลายการจบการปฏิบัติในขั้นนี้


        3. ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณคุ้นเคยกับการขับเคลื่อนของรถ เมื่อมันคุ้นกับการติดเครื่องยนต์โดยปราศจากความกลัว ให้ถอยรถไปด้านหลัง และขับมาด้านหน้าของโรงรถ แล้วปฏิบัติต่อมันโดยการชมเชย สิ่งที่คุณทำนี้ทำให้มันมั่นใจว่ารถไม่เป็นปัญหาสำหรับมัน ความจริงสำหรับมันในรถคือที่รักษาพยาบาลมันนั่นเอง
       4. ทำให้มันแน่ใจว่าการขับเคลื่อนรถเป็นของจำเป็น ให้เพิ่มระยะทางในการเดินทาง จนกระทั่งมันสงบและไม่แสดงอาการใดๆ เมื่ออยู่ในรถ สัตว์บางตัวต้องการบางสิ่งเพื่อสงบมัน มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์ เช่น Serene-um, Pet Calm และ Rescue Remedy ในบางรายนั้นได้รับการจ่ายยาจากแพทย์
สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนในการเดินทางที่ดีเพราะฉะนั้นควรฝึกมันให้ดี


ขอบคุณข้อมูล : http://vet.msu.ac.th




วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...ครบเครื่องเรื่องไม้น้ำ...




แสงสว่าง ความต้องการพื้นฐานของตู้ไม้น้ำ



แสงสว่างที่พอเพียง ทั้งในแง่ของความเข้ม และช่วงเวลาของการให้แสง สำหรับแต่ละสายพันธุ์ กล่าวคือ ต้นไม้น้ำมีทั้งที่ต้องการแสงไม่มาก, ปานกลาง ไปจนถึงพวกที่ต้องการแสงจัดมาก ในหลายกรณีที่ผู้เลี้ยงมีปัญหามาจากการขาดข้อมูลพื้นฐานเรื่องแสงโดยสิ้นเชิง เช่น เปิดไฟไว้ตลอดเวลา หรือ ปิดๆเปิดๆให้ได้จำนวนชั่วโมงที่มากพอและที่พบมากคือแสงไม่พอเพียง นอกจากนี้แล้วเรื่องของคุณภาพของแสง (ในที่นี้ จะหมายถึง spectrum หรือแสงที่ย่านความถี่ต่างๆ) ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่ต้องให้ความสำคัญถ้าผู้เลี้ยงต้องการความสมบูรณ์สูงสุดของต้นไม้น้ำที่เลี้ยง สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใหม่ๆ ขอให้คำแนะนำเบื้องต้นไว้ว่า ... เข้มไว้ก่อน ... คือควรให้แสงมีความเข้มที่พอเพียงไว้ก่อนในเบื้องต้น 

ก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์ ความต้องการพื้นฐานของตู้ไม้น้ำ


ก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์ มีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ทั้งนี้ ปัจจัยเรื่องนี้สำหรับต้นไม้บกนั้นมีมากพอเพียงอยู่แล้ว ส่วนในต้นไม้น้ำนั้นเราไม่สามารถจำลองสภาพที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำให้เกิดก๊าซชนิดนี้ในหลายๆ รูปแบบมาไว้ในตู้ได้โดยง่ายดังนั้นการให้ หรือเติมลงไปซึ่งดูเหมือนจะง่ายกว่าจึงเป็นสิ่งที่กระทำกันโดยทั่วไป 
อนึ่งในการเลี้ยงอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกทับศัพท์ว่า low tech tank นั้น จะไม่ใช้การเติม co2 ลงไป โดยตรง แต่จะเน้นการได้มาซึ่งก๊าซนี้ตามธรรมชาติ คือ จากการสลายตัวของสารอินทรีย์ชนิดต่างๆ (organic matters) และจากขบวนการหายใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่มีในตู้ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา (ปูคงไม่เลี้ยงกันนะ) รวมถึงแบคทีเรียบางกลุ่ม และต้นไม้เองด้วย แต่วิธีดังกล่าวนี้ เป็นงานที่ยุ่งยากมากทั้งในการเตรียมและการควบคุมผลที่ได้ก็ไม่น่าประทับใจเท่ากับการให้ก๊าซลงไป อีกทั้งผู้เลี้ยงโดยวิธีธรรมชาติยังต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งพอสมควรในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต หรือนิเวศน์วิทยา (ecology) รวมถึงเคมี
       ดังนั้นการเลี้ยงแบบ Hitech คือมีการเติมก๊าซ co2 ลงไปจึงเป็นสิ่งที่แพร่หลายกว่ามาก ส่วนจะใช้แบบยีสต์ ซึ่งมีราคาถูก แต่ยุ่งยากกว่า หรือจะใช้ถังความดันสูงพร้อมอุปกรณ์การกระจาย ซึ่งสะดวกแต่มีราคาแพงกว่ามาก ก็คิดว่าน่าจะพิจารณาจากความตั้งใจว่าจะเอาจริงจังหรือเปล่าเป็นเกณฑ์ ถ้ารักจริงยังไงก็จะแต่งละก็ซื้อถังไปเลย แต่ถ้ายังขอดูใจกันไปก่อนก็ใช้ยีสต์ หรือ co2 กระป๋องไปก่อนก็ดี

สารอาหารความต้องการพื้นฐานของตู้ไม้น้ำ



ปุ๋ย หรือสารอาหาร เป็นอีกปัจจัยพื้นฐานหนึ่งที่สำคัญที่ต้นไม้ต้องการเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เช่นเดียวกับปัจจัยในเรื่องของ ก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์ก็คือในการเลี้ยงแบบ  low tech นั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยลงไปถ้าการเตรียมวัสดุปลูกมีความสมบูรณ์เพียงพอ รวมถึงจำนวนปลาที่เลี้ยงมีความสมดุลกับต้นไม้ที่ปลูก แต่ก็เช่นกันคือผลที่ได้เทียบกับความพยายามแล้วก็ไม่น่าประทับใจ ถ้าเปรียบเทียบแบบหยาบๆ ก็คือการจะให้สุนัขข้างถนนซึ่งต้องดิ้นรนหาอาหารกินเอง หรือที่เจ้าของเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มีความสมบูรณ์, แข็งแรง และสวยงาม เหมือนสุนัขที่มีเจ้าของ หรือสุนัขที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ก็คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนเช่นกัน
นอกจากความต้องการพื้นฐานทั้ง 3 ปัจจัยนี้แล้ว สำหรับต้นไม้น้ำยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมาก ซึ่งล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้นในบางปัจจัยที่เราไม่สามารถจำลองมาไว้ในตู้ได้ เช่นการไหลอย่างรุนแรงของกระแสน้ำ ทำให้ไม่สามารถเลี้ยง Jasarum steyermarkii (ลักษณะคล้าย Sagittaria montevidensis) ให้อยู่รอดได้ในตู้เป็นต้น 

การทำความสะอาดวัสดุกรองเป็นระยะ



สำหรับผู้เลี้ยงบางท่านแล้วตราบใดที่น้ำยังใสสะอาด ตะไคร่น้ำยังไม่ปรากฏให้เห็นก็มักจะลืมเรื่องการทำความสะอาดวัสดุกรองอยู่บ่อยๆ (เรียกว่ามิได้เห็นโลงศพมิอาจหลั่งน้ำตาได้) ซึ่งที่ถูกแล้วควรทำทุกๆ สอง ถึง สามเดือนครั้ง (ขึ้นกับปริมาตรน้ำ และขนาดของส่วนกรอง)ทั้งนี้เพื่อให้เครื่องกรอง หรือช่องกรองดำรงความสามารถในการรองรับปัญหาต่างๆ ที่จะมีผลต่อคุณภาพของน้ำเอาไว้ให้ได้ในระดับสูง ทั้งนี้ผู้ที่มีประสบการณ์มานานหน่อยย่อม ตะหนักดีว่าช่วงเวลาของการเกิดตะไคร่น้ำนั้นเป็นช่วงเวลาที่ช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยไหนจะขาดความสวยงามไปไหนจะต้องยุ่งกับการปรับสภาพต่างๆใหม่ และสำหรับกับการทำความสะอาดวัสดุกรองแล้วหลายท่านยังเข้าใจว่าต้องล้างให้สะอาดหมดจดจึงจะดี แต่ที่ถูกต้องแล้วการขจัดสิ่งหมักหมมออกเพียง 70 - 80 % ก็เพียงพอแล้ว และควรใช้น้ำจากในตู้ในการทำความสะอาดไม่ควรใช้น้ำประปา เพราะจะทำให้แบคทีเรียเสียหาย และต้องใช้เวลามากขึ้นในการเกิดใหม่ (colonizing)










วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวล่ามาไว สำหรับคนรักสัตว์ปีกสวยงามห้ามพลาด!!!

 


          กิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นสำหรับคนรักสัตว์ปีกโดยเฉพาะ "งานมหกรรมสัตว์ปีกสวยงามแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2" ใครว่างๆก็จูงลูกลูกหลานไปร่วมงานนะคร้าบบบบ รับรองไปแล้วไม่มีผิดหวัง นอกจากจะได้ชื่นชมสัตว์แล้วยังจะได้ช็อปสินค้า OTOP อีกคุ้มแสนคุ้มจริงๆ แล้วพบกันวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2556 ณ สวนปาล์มฟาร์มนก


การถ่ายภาพสัตว์


การถ่ายภาพสัตว์อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท


          1. การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงในบ้าน สัตว์ที่เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัข แมว นก ปลา แต่ละชนิดก็มีรูปร่างลักษณะ สีสัน กิริยาท่าทาง และนิสัยที่แตกต่างกันออกไป เป็นสัตว์ที่น่ารักทั้งสิ้น สามารถเลือกมุมถ่ายภาพให้มีความสวยงามและน่ารักได้ พยายามใช้ความรวดเร็วในการจับภาพในจังหวะที่น่าประทับใจต่าง ๆ

          2. การถ่ายภาพในสวนสัตว์ ในสวนสัตว์จะเป็นที่รวมของสัตว์หลายชนิด ซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลก การถ่ายภาพสัตว์ในส่วนสัตว์ควรไปถ่ายภาพในตอนเช้า ที่อากาศไม่ร้อน สัตว์จะมีอารมณ์ดี โดยเฉพาะเวลาให้อาหารสัตว์เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการถ่ายภาพ เพราะสัตว์จะแสดงกิริยาต่าง ๆ ในกรณีที่ต้องการถ่ายภาพ ผ่านลูกกรงเหล็ก หรือรั้วกัน ควรเปิดช่องรับแสงของเลนส์ให้กว้างให้กล้องหากจากลูกกรงประมาณ ครึ่งเมตร ลูกกรงหรือรั้วกั้น จะพ้นระยะชัดเกิดความพร่ามัว ทำให้มองเห็นเฉพาะภาพสัตว์และยังช่วยหลบฉากหลังที่รกรุงรังให้หายไปได้อีกด้วย
          กล้องที่ใช้ถ่ายภาพสัตว์ ควรใช้กล้องแบบ 35 มม. สะท้อนเลนส์เดี่ยว โดยใช้เลนส์ซูมหรือเลนส์ถ่ายระยะไกล้ 135 มม. – 250 มม. เพื่อให้สามารถดึงภาพให้มีขนาดใหญ่ได้ ส่วนฟิล์มควรใช้ฟิล์มที่มีความไวแสงสูง 250 ISO หรือ 400 ISO

         3. การถ่ายภาพสัตว์ป่า เป็นการออกไปถ่ายภาพสัตว์ในป่าเขาตามธรรมชาติ ซึ่งในบ้านเมืองเราคงหาโอกาสได้ยาก เพราะไม่ค่อยมีสัตว์ป่าให้ได้เห็นกัน จะมีบ้างก็พวกเก้ง กวาง ในป่าสงวนบ้างแห่งเท่านั้น การรอบถ่ายภาพสัตว์ป่า จำเป็นต้องถ่ายจากบังไพร หรือซุ้มไม้มิดชิดเพื่อไม่ให้สัตว์มองเห็นและกลัว ควรต้องศึกษาแหล่งที่พักหลับนอน แหล่งอาหาร และแหล่งน้ำของสัตว์อย่างน้อยจะทำให้มีโอกาสการถ่ายภาพได้ง่ายเข้า อุปกรณ์ที่จำเป็นที่สุดในการถ่ายภาพสัตว์ป่าคือเลนส์ระยะไกล มีความยาวโฟกัสสูง ไม่ต่ำกว่า 400 มม. – 1200 มม. หรือใช้ Teleconverter 2X เพื่อช่วยให้สามารถถ่ายภาพในระยะไกล ๆ ได้ กล้องควรตั้งบนข้างตั้งใช้ฟิล์มที่มีความไวแสงสูง จะได้ภาพที่มีความคมชัด แน่นอน
ขอบคุณข้อมูล : http://courseware.payap.ac.th/docu/ca205/tecnic.html

สอนถ่ายภาพสัตว์ "ตะลุยถ่ายรูปสัตว์ป่าที่เขาดิน" 

           คลิปพาท่านเที่ยวป่ากลางใจเมืองที่ "สวนสัตว์ดุสิต" หรือ"เขาดิน" นั่นเองพร้อมได้เรียนรู้การถ่ายรูปสวยๆ บรรดาสัตว์ป่ากันอย่างใกล้ชิด
ขอบคุณข้อมูล : http://www.youtube.com/watch?v=zprfDOa2mQU
 
ตัวอย่างเพจที่มีถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง เช่น Petszaa , Fishzaa


วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คุณชอบสัตว์เลี้ยงไหม?

                                                        ขอบคุณภาพ : www.facebook.com/Petszaa


          สังคมในปัจจุบันนี้ีสิ่งต่างๆมากมายถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง แต่ไม่ว่าจะยังไง สิ่งเหล่านั้นก็เเค่ของเลียนเเบบ ที่เข้ามาสร้างความสนุกสนานเพียงชั่วคราว

          ถ้าคุณเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยง รักภาพถ่ายสวยๆอยากติดตามข้อมูลข่าวสารในวงการสัตว์เลี้ยง
PetsPlanet เป็นคำตอบของคุณ

          เราจะอัพเดทข้อมูลข่าวสาร ภาพถ่ายสวยๆ สาระน่ารู้ต่างๆในอาณาจักรสัตว์เลี้ยง มาให้ทุกท่านได้ชมกัน  "คอคนรักสัตว์ด้วยกัน ทำไมจะไม่รู้ใจกัน"